เมนู

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์] 3. อนุตตริยวรรค 1. สามกสูตร
3. อนุตตริยวรรค
หมวดว่าด้วยอนุตตริยะ1
1. สามกสูตร
ว่าด้วยหมู่บ้านสามะ
[21] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่วิหารชื่อโปกขรณีย์ ใกล้หมู่บ้าน
สามะ แคว้นสักกะ ครั้งนั้น เมื่อราตรีผ่านไป2 เทวดาตนหนึ่งมีวรรณะงดงามยิ่งนัก
เปล่งรัศมีให้สว่างทั่วโปกขรณีย์วิหาร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย
อภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 3 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุ
ธรรม 3 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้ชอบการงาน3
2. ความเป็นผู้ชอบการพูดคุย4
3. ความเป็นผู้ชอบการนอนหลับ5
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 3 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุ”
เมื่อเทวดานั้นได้กราบทูลดังนี้แล้ว พระศาสดาทรงพอพระทัย ครั้นเทวดานั้น
รู้ว่า ‘พระศาสดาทรงพอพระทัยเรา’ จึงถวายอภิวาททำประทักษิณแล้วหายไป ณ
ที่นั้นแล

เชิงอรรถ :
1 ดูเชิงอรรถที่ 1 ฉักกนิบาต ข้อ 8 หน้า 419 ในเล่มนี้
2 เมื่อราตรีผ่านไป หมายถึงเมื่อปฐมยามผ่านไป มัชฌิมยามย่างเข้ามา (องฺ.ฉกฺก.อ. 3/21-22/108)
3 ดูเชิงอรรถที่ 1 ปัญจกนิบาต ข้อ 89 (ปฐมเสขสูตร) หน้า 159 ในเล่มนี้
4 ชอบการพูดคุย ในที่นี้หมายถึงชอบสนทนาเกี่ยวกับบุรุษและสตรีเป็นต้น ให้วันและคืนผ่านไปโดยเปล่า
ประโยชน์ (องฺ.สตฺตก.อ. 3/24/177)
5 ชอบการนอนหลับ ในที่นี้หมายถึงภิกษุแม้จะยืนก็ตาม เดินก็ตาม นั่งก็ตาม ก็ถูกถีนมิทธะ (ความหดหู่และ
เซื่องซึม) ครอบงำ เอาแต่หลับถ่ายเดียว (องฺ.สตฺตก.อ. 3/24/177)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 22 หน้า :450 }


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์] 3. อนุตตริยวรรค 1. สามกสูตร
ครั้นคืนนั้นผ่านไป พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า “ภิกษุ
ทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อราตรีผ่านไป เทวดาตนหนึ่งมีวรรรณะงดงามยิ่งนัก เปล่ง
รัศมีให้สว่างทั่วโปกขรณีย์วิหาร เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ไหว้แล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร
ได้กล่าวกับเราดังนี้ว่า
‘ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 3 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุ
ธรรม 3 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้ชอบการงาน
2. ความเป็นผู้ชอบการพูดคุย
3. ความเป็นผู้ชอบการนอนหลับ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 3 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุ’
เทวดานั้นครั้นได้กล่าวดังนี้แล้ว จึงไหว้เราทำประทักษิณแล้วหายไป ณ ที่นั้นแล
ภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่ลาภของเธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายได้ชั่วแล้วหนอ ที่เธอทั้งหลาย
เสื่อมจากกุศลธรรม แม้พวกเทวดาก็รู้
ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงปริหานิยธรรม (ธรรมที่เป็นเหตุแห่งความเสื่อม)
3 ประการข้ออื่นอีก เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสเรื่องนี้ว่า
ภิกษุทั้งหลาย ปริหานิยธรรม 3 ประการ
ปริหานิยธรรม 3 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่1
2. ความเป็นผู้ว่ายาก
3. ความเป็นผู้มีปาปมิตร(มิตรชั่ว)
ภิกษุทั้งหลาย ปริหานิยธรรม 3 ประการนี้แล

เชิงอรรถ :
1 ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่ ในที่นี้หมายถึงชอบอยู่คลุกคลีกับเพื่อน 1 คนบ้าง 2 คนบ้าง 3 คนบ้าง เมื่ออยู่
คนเดียวก็หาความสบายใจไม่ได้ (องฺ.สตฺตก.อ. 3/24/177)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 22 หน้า :451 }